Connect with us

ข่าวเด่น

สาวสุดมึน..? รายได้ไม่พอยาไส้แต่ถูกเรียกเก็บภาษี 32 ล้าน

ต้องอ่าน.. คุณอาจตกเป็นเหยื่อ!!!! สาวห้างเงินเดือนพอประทังชีวิต ถูกเรียกเก็บภาษี 32 ล้าน

น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 35 ปี ทำงานเป็นพนักงานรายวัน อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ หอบเอกสารเข้าขอความเป็นธรรมกับ ทนาย ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ที่สำนักงานเกรียงศักดิ์และเพื่อนทนายความการบัญชี จำกัด
ร้องขอความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 7 กรกฎาคม 2563 น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 35 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรายวันอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านปู่เจ้าสมิงพราย ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้หอบเอกสารเข้าขอความเป็นธรรมกับ ทนาย ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ที่สำนักงานเกรียงศักดิ์และเพื่อนทนายความการบัญชี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 1287 ตลาดธรรมสาโรจน์ ถนนสุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง สมุทรปราการ หลังทราบว่า ตัวเองตกเป็นผู้ต้องหา แจ้งข้อความเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ฯ ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ฯ ที่มี กรมสรรพากร เป็นโจทย์ยื่นฟ้องเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเป็นเงินจำนวน 32 ล้านบาท กับ น.ส.นันทวรรณ ซึ่งถูกระบุว่า มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีเอ็นซี จำกัด โดยที่ น.ส.นันทวรรณ ไม่เคยเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว หรือมีตำแหน่งตามที่ถูกกล่าวหา แต่อย่างใด และยังมีหนังสือนัดส่งตัว ให้ น.ส.นันทวรรณ ไปพบพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 2 ฟ้อง เพื่อฟังคำสั่ง หรือส่งตัวฟ้องศาล ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 เวลา 10.00 น. ซึ่งความเป็นจริง น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวและไม่รู้จักและไม่เคยทำธุรกิจในคดีนี้แต่อย่างใด มีรายได้เพียงเงินค่าแรงรายวัน วันละ 300 กว่าบาท ต้องเช่าห้องอยู่มีลูกอีก 4 คนและแม่วัย 70 ปี ที่ต้องเลี้ยงดู แต่ต้องมาถูกดำเนินคดีข้อหา แจ้งข้อความเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามประมวลกฎหมายรัษฎากรโดยที่ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ถ้าในวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 ส่งฟ้อง น.ส.นันทวรรณ ต้องติดคุกเพราะไม่มีเงินประกันตัวเพราะยอดเงินที่ฟ้องสูงถึง 32 ล้านบาท

น.ส.นันทวรรณ ได้เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองตกเป็นผู้ที่ถูกกรมสรรภากร เรียกเก็บภาษี โดยกล่าวหาว่าตนเองมีชื่อเป็นประธานกรรมการบริษัท ซึ่งเราไม่เคยทำหรือไปจดทะเบียนกับบริษัทอะไรเลย เพราะเราทำงานเป็นพนักงานของห้าง รายได้ก็วันละประมาณ 300 กว่าบาท ตกเดือนละไม่ถึงหมื่นบาท ไม่รู้ว่าตนเองถูกสวมสิทธิ์หรือว่าเราไปพลาดอะไรตรงไหน อยู่ ดี ๆ ก็มีหมายเรียกมาเมื่อ 4 ปี ที่แล้วเราก็ไปตามที่เขานัดและเราก็ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าเราไม่รู้เรื่อง และก็ไม่ได้เป็นประธานกรรมการบริษัทนี้ แต่ล่าสุดเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาก็มีหมายเรียกส่งไปที่บ้านที่ต่างจังหวัด และแม่ตนเป็นคนรับหมาย ซึ่งเขาก็บอกว่าน้องมีชื่อตามนี้นะ และให้เราไปติดต่อกับตำรวจที่ทำคดีนี้นะ เราก็ไปหาตามหมายเรียกเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และตนก็ปฎิเสธเหมือน 4 ปีที่แล้วว่าเราไม่รู้เรื่อง และไม่เคยทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหา แล้วตำรวจก็บอกว่า เดี๋ยวทำสำนวนเสร็จก่อนส่งอัยการ และก็จะโทรหา ซึ่งเขาก็บอกว่ามันก็นานอยู่กว่าจะทำสำนวนส่ง แต่เราไปเมื่อต้นเดือนยังไม่ถึงสิ้นเดือนเลยเจ้าหน้าที่ก็โทรมาบอกว่าทำสำนวนเสร็จแล้วเดี๋ยวเราไปอัยการกัน และเขาก็บอกว่าคดีน้องมันก็ไม่น่ากลัวนะน้องใช้ชีวิตได้ปกติ ขอแค่ไม่ผิดนัด และมาตามนัดก็พอ แต่พอเราไปตากนัดเมื่อวันที่ 2 กรกฎคม ที่ผ่านมา เขาก็พูดอีกแบบเลยเขาพูดแบบว่าเรารู้สึกแย่ไปเลย เขาบอกว่าน้องรับได้หรือเปล่า คดีแบบนี้มันรุนแรงนะมันเป็นคดีเศรษฐกิจ และถ้าเกิดน้องไม่มีเงินประกัน น้องติดคุกเลยนะ ตนก็เลยบอกว่าจะเอาเงินที่ไหนมาประกันตัวลูกก็ 4 คน แม่ก็อีกคนหนึ่ง

ถ้าตนติดคุกใครจะเป็นคนส่งแม่กับลูกตนละ เขาก็บอกว่าเขาก็ทำตามหน้าที่ แล้วเขาก็เอาสำนวนขึ้นไปส่งแล้วเขาก็มีใบอะไรสักอย่างมาให้ตนเซ็น และเขาก็บอกว่าตนต้องไปศาลนะไปถามเขาว่าหลักทรัพย์ในการประกันตัวคดีหลีเลี่ยงภาษีเท่าไหร่ ตนก็เดินไปถามเขาก็บอกว่าเงินประกันหลักทรัพย์ประมาณ 2 แสน เราก็ตกใจและถามว่าถ้าไม่มีเงินประกันจะทำอย่างไง เขาบอกว่าน้องก็ต้องติดคุก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะไปหามาจากไหน คนหาเช้ากินค่ำบางวันเงินจะกินข้าวก็ยังไม่มี แต่ต้องมาติดคุกทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เราต้องจ่ายภาษีถึง 32 ล้าน ตนก็นึกไม่ออกเลยว่าเงินมันเยอะแค่ไหน ถ้าเราเป็นประธานบริษัท ตามที่ตนถูกกล่าวหาจริง ๆ เราจะมาเป็นลูกจ้างเขาทำไม ห้องเราจะมาเช่าเขาอยู่ทำไม ค่าเช่าเรายังจ่ายเขาไม่ตรงเลย เจ้าของตึกเขาไม่ไล่ตนออกไปนอนข้างนอกก็ดีแค่ไหนแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินไม่ใช่แค่บาทสองบาท แล้วทำไมตนต้องมาเจออะไรแบบนี้ ซึ่งตนก็รับไม่ได้มันก็มีความคิดเขามาในหัวว่าตนอยากฆ่าตัวตายนั่งร้องไห้ทุกวัน กินข้าวไม่ไดตั่งแต่วันที่กลับมาจากศาลวันนั้นและก็นอนไม่หลับ จนต้องกินยานอนหลับ ตนเครียดจนไม่ไหวแล้ว มันร้ายแรงสำหรับคนจนที่หาเช้ากินค่ำและต้องมาเจอแบบนี้ ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบริษัทนี้ และก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือยืนเอกสารตามที่เขาบอกแต่อย่างไรเอกสารหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ และตอนที่ตนไปพบเจ้าหน้าที่ตนก็บอกเขาว่าทุกครั้งว่าตนไม่รู้เรื่องหรือรู้จักบริษัทนี้แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่าเขาทำตามหน้าที่ ในเมื่อสรรภากรยื่นมาเขาก็ทำ ตนก็ยังทักทวงว่ามีอะไรให้ตนพิสูจน์บ้าง เหมือนตนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย วันนี้ตนก็เลยมาร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานทนายความดังกล่าว

ดร.เกรียงศักดิ์ ได้กล่าวว่า หลังจากนี้ที่ตนรับเรื่องมาในวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 ตนก็ต้องไปที่อัยการ เพื่อทำคำร้องขอความเป็นธรรม คงต้องยื่นดูแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะยืนในวันที่ 12 หรืออาจจะยื่นก่อนที่จะขึ้นศาล เพราะว่าต้องการให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งตนจะทำคำร้องขอความเป็นธรรมขึ้นไป เราเอารายละเอียดให้อัยการฟังเพื่อวันที่ 13 ตนไม่อยากไปเสี่ยงในวันที่ 13 ผมกลัวอัยการสั่งฟ้องขึ้นมาและไม่มีเงินประกัน ตนกลัวว่าน้องจะต้องเข้าเรือนจำ และตนก็ต้องไปตีเยี่ยมที่เรือนจำและเขาติดคุกและฝากอีก 12 วัน สำหรับคดีนี้ต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี ซึ่งน้องจะติดคุกยาว ตนจึงต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไร เพราะตนช่วยในคดีนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว และต้องไปคัดเอกสาร และพอรับคำฟ้องมันก็จะมีเลขทะเบียน ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่าน้องเขามีส่วนร่วมในกระบวนการหรือไม่อย่างไร ซึ่งตนก็ยังไม่เชื่อน้องเขาที่เดียว มันก็ต้องตรวจสอบ เพราะน้องเขามาร้องขอความเป็นธรรมและเขาก็ไม่มีเงินเลย และไม่รู้จักกับบริษัทที่ถูกกล่าวหาเลย ตนก็ต้องมาคัดเอกสารดู แต่ที่คัดเบื้องต้นยังไม่พบชื่อของน้องเขาเป็นประธานกรรมการแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้ตนก็ต้องทำเอกสารไปยื่นต่ออัยการเพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง สุดท้ายถ้าเข้าสู่ระบบการของศาลแล้วน้องเขามาผิดจริง ตนเชื่อว่าศาลยกฟ้อง แต่ระหว่างตนก็หาวิธีขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือใช้กำไลอีเอ็ม เพราะมีสิทธิ์ที่จะร้องขอศาลซึ่งตนจะลองขอดู ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่ในดุลกินิจของศาล คือเขาไม่ผิดไม่อยากให้เขาติดคุก เพราะน้องเขาชี้แจงไม่ชัด เพราะน้องเขาไม่รู้เขาเป็นชาวบ้านธรรมดาเขาไม่รู้ว่าจะหาเอกสารอะไรไปชี้แจ้ง แค่บอกว่าไม่ได้ทำก็จบ เพราะวัน ๆ เขาหาเช้ากินคำอยู่แล้วเขาก็ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร

เดี่ยว คงสินธ์ …………… รายงาน

Advertisement
Advertisement

Copyright © 2020 ChonburipostOnline.Office 150/12 Village No.2 Surasak, Sriracha, Chonburi, 20110, Tel. 089 931 2068, Fax 038 328 438 Powered Tro BangKrea.